หลักการและเหตุผล
เชื้อดื้อยาเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยส่งผลเพิ่มอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย และเพิ่มค่าใช้จ่ายในระบบบริการสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายชนิด เช่น multidrug-resistant organisms (MDROs), extensively drug-resistant organisms (XDRs) และ pan drug-resistant organisms (PDRs) ในประเทศไทย พบปัญหาเชื้อดื้อยาหลายชนิด โดยเฉพาะเชื้อแกรมลบดื้อยา ได้แก่ MDR-Pseudomonas aeruginosa (MDR-PA), MDR-Acinetobacter baumannii (MDR-AB), carbapenem-resistant Enterobacterales (CRE), extended-spectrum
beta-lactamases producing Escherichia coli/Klebsiella pneumoniae (ESBL-EC/KP) เป็นต้น ส่งผลให้การใช้ยาต้านจุลชีพในการรักษามีข้อจำกัดมากขึ้น
การรับมือกับเชื้อดื้อยาจึงเป็นไปในลักษณะของการลดอุบัติการณ์ของเชื้อดื้อยาลงเพื่อให้สามารถใช้ยาต้านจุลชีพเดิมได้ การศึกษาทางระบาดวิทยาและการศึกษาแบบ in vitro พบว่าการลดปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพที่มีผลกระตุ้นหรือส่งเสริมการดื้อยา จะทำให้เชื้อกลับมาไวต่อยาได้ จากการพบความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการบริโภคยาในหน่วย defined daily dose (DDD) ต่อ 1,000 วันนอน กับอัตราการดื้อยาต้านจุลชีพแบบ MDRs การลดปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพ จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทางการแพทย์สาขาต่าง ๆ และนอกเหนือจากการลดปริมาณการใช้ยาแล้ว การมีระบบและกลวิธีที่จะส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผล Antibiotic Stewardship Programs (ASP) สามารถลดอัตราการดื้อยา ลดปริมาณการใช้ยา และมีผลลัพธ์ทางคลินิกที่ดีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดย ในปี พ.ศ. 2554 สมาคมโรคติดเชื้อในประเทศสหรัฐอเมริกา (Infectious Diseases Society of America, IDSA) ได้ออกคำแนะนำในการนำ “antibiotic stewardship” มาใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างไม่ถูกต้อง และส่งเสริมการใช้ยา
ต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมมากขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU) และการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) ในสถานพยาบาล เพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและลดค่าใช้จ่ายด้านยา รวมทั้งลดปัญหาการติดเชื้อดื้อยา โดยมีแผนพัฒนาการจัดการฯ
ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และเครือข่ายบริการสุขภาพอย่างบูรณาการ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์
การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันประกาศใช้แผนฯฉบับที่ ๒ พ.ศ. 256๖ – 2๕๗๐
และได้กำหนดเป้าหมาย และค่าเป้าหมายที่สำคัญที่สัมพันธ์กับมนุษย์ คือ ให้ประเทศไทย มีสถิติการป่วย
จากเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในมนุษย์ลดลงร้อยละ ๑0 และปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์ลดลงร้อยละ ๓๐ (เทียบกับปี ๒๕๖๐) ซึ่งการบรรลุเป้าหมายของนโยบายและแผนทั้งสองส่วนนี้ จำเป็นจะต้องพัฒนาบุคลากรภายในหน่วยบริการสุขภาพเหล่านั้นให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีประสบการณ์ด้วย
ดังนั้น กองบริหารการสาธารณสุขจึงร่วมกับ ฝ่ายพันธกิจเพื่อสังคม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การพัฒนาศักยภาพเภสัชกรผู้ปฏิบัติงานด้านโรคติดเชื้อ ด้าน Strengthen Antibiotic Stewardship Program (ASP) ในหน่วยงานสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเภสัชกรให้มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการด้าน antibiotic stewardship program และสามารถทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาลและบุคลากรสาธารณสุข เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของเภสัชกรโรงพยาบาลในการดำเนินการด้าน Antibiotic Stewardship Program (ASP) และรองรับแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU) และการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) ในสถานพยาบาล
2. เพื่อให้เภสัชกรที่ผ่านการอบรมสามารถทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้าน Antibiotic Stewardship Program (ASP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อส่งเสริมการดำเนินการลดอัตราการดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลลดลง ส่งผลลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยที่จะไม่ต้องใช้ยาต้านจุลชีพราคาแพง