จากผลการสำรวจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย พบว่าอัตราการเกิดสิว (Acne vulgaris) สามารถพบได้ในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในวัยรุ่น (12-18 ปี) และวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (18-24 ปี) ที่พบมากถึงร้อยละ 85 ในสองกลุ่มนี้ ขณะที่วัยผู้ใหญ่และวัยกลางคนพบอัตราการเกิดสิวอยู่ที่ร้อยละ 8 และร้อยละ 3 ตามลำดับ ภาวะสิวแม้จะไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านจิตใจและสังคม โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่อาจเกิดความไม่มั่นใจในตนเองจนหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงเกิดภาวะซึมเศร้าหรือเก็บตัวในบางราย นอกจากนี้ การเกิดแผลเป็นหลังสิวยังเป็นผลกระทบระยะยาวที่มีผลต่อความมั่นใจและสุขภาพจิตอย่างรุนแรง
ในกระบวนการรักษาสิว การพิจารณาลักษณะผิวของผู้ป่วยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มี ผิวบอบบาง (Sensitive Skin) ซึ่งมีความไวต่อผลิตภัณฑ์และการรักษา ปัจจุบันในประเทศไทยพบความชุกของผู้ที่มีผิวบอบบางในไทยสูงถึง 86.9% และ 57.5% เป็นกลุ่มที่มีระดับความรุนแรงปานกลางถึงมาก การดูแลผู้ที่มีผิวบอบบางร่วมกับภาวะสิวจึงต้องใช้แนวทางที่ระมัดระวังและครอบคลุมครบถ้วน เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือทำให้สภาพผิวแย่ลง ส่งผลต่อผลลัพธ์การรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาสิวมีความหลากหลายมากขึ้นผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่งผลให้เกิดข้อมูลทั้งที่ถูกต้องและผิดพลาดปะปนกัน ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับคำแนะนำที่ไม่เหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้เกินความจำเป็น ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย หรือผลข้างเคียงจากยา นอกจากนี้ยังทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นและพลาดโอกาสในการได้รับการรักษาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การจัดประชุมวิชาการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในแนวทางการดูแลรักษาสิวแบบองค์รวม ที่เน้นการบูรณาการการดูแลผู้ที่มีผิวบอบบางอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มเภสัชกรซึ่งเป็นผู้ที่มีโอกาสพบและให้คำแนะนำผู้ป่วยในเบื้องต้น สามารถช่วยคัดกรองและแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงการส่งต่อผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดภาระด้านสุขภาพในระยะยาว

1. เพื่อให้เข้าใจถึงการกลไกเกิดสิวและระดับความรุนแรงตามแนวทางปฏิบัติในการรักษา สำหรับให้คำแนะนำและเลือกใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังลดปัญหาการใช้ยาเกินความจำเป็น ที่อาจเกิดผลกระทบในเชิงลบ หรือ การดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย
2. เพื่อให้เภสัชกรตระหนักถึงปัญหาผิวบอบบางที่พบมากในคนไทยซึ่งจะส่งผลต่อการรักษาสิวและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเภสัชกรในการให้แนะนำเพื่อให้ผู้ป่วยดูแลผิวและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม

สิว ยาทา ยากิน ยาฆ่าเชื้อ ยาปฎิชีวนะ ผิวบอบบาง